Asia Pacific News Journal
SEE OTHER BRANDS

The top news stories from Asia and the Pacific

CGTN: เหตุใดม้วนผ้าไหมแห่งรัฐฉู่จึงควรถูกส่งคืนประเทศจีน

CGTN ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการทวงคืนม้วนผ้าไหมแห่งรัฐฉู่ ซึ่งเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของจีนที่มีอายุกว่า 2,000 ปี และปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ในสหรัฐอเมริกา บทความนี้ได้ติดตามเส้นทางของโบราณวัตถุตั้งแต่การค้นพบในสุสานโบราณเมื่อปี 1942 ไปจนถึงการลักลอบนำออกจากประเทศจีนไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 1946 โดยนักสะสมชื่อ John Hadley Cox พร้อมนำเสนอหลักฐานอันหนักแน่นจากทั้งนักวิชาการชาวจีนและอเมริกันที่ยืนยันถึงกรรมสิทธิ์ที่ถูกต้องของจีน


ม้วนผ้าไหมแห่งรัฐฉู่มีอายุย้อนกลับไปประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล /CMG

ปักกิ่ง, May 01, 2025 (GLOBE NEWSWIRE) -- ในฤดูหนาวปี 1942 มีโจรขุดสุสานหลายคนในเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ตอนกลางของประเทศจีน ได้เจาะเข้าไปในสุสานโบราณยุครณรัฐ (475–221 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งเป็นแหล่งฝังศพของรัฐฉู่ และขโมยโบราณวัตถุจำนวนมาก รวมถึงเครื่องเขิน ดาบสัมฤทธิ์ และม้วนผ้าไหม

เมื่อโจรนำของที่ขโมยมาไปขายให้กับ Tang Jianquan ซึ่งเดิมเป็นช่างตัดเสื้อแต่ผันตัวมาเป็นพ่อค้าของโบราณ พวกเขาได้โยนภาชนะไม้ไผ่ที่บรรจุผ้าไหมผืนหนึ่งซึ่งพวกเขาเรียกกันว่า "ผ้าเช็ดหน้า" แถมไปให้ฟรี ๆ โดยไม่ใส่ใจนัก "ผ้าเช็ดหน้า" ผืนนั้นต่อมาถูกระบุว่าเป็นม้วนผ้าไหมแห่งรัฐฉู่จากจื่อตันกู่ ซึ่งถือเป็นต้นฉบับบนผ้าไหมเพียงชุดเดียวที่ค้นพบจากยุครณรัฐของจีน "จื่อตันกู่" ซึ่งแปลตามตัวว่า "คลังเก็บกระสุน" หมายถึง สถานที่ขุดค้นที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของฉางซา ซึ่งเคยเป็นคลังเก็บกระสุนมาก่อน

ม้วนผ้าไหมแห่งรัฐฉู่มีอายุย้อนหลังไปราว 2,300 ปี ซึ่งเก่ากว่าม้วนคัมภีร์ทะเลเดดซีมากกว่าหนึ่งศตวรรษ โดยบันทึกเนื้อหาเกี่ยวกับจักรวาลวิทยาและพิธีกรรมของจีนโบราณในยุคต้น ข้อความที่ซับซ้อน ภาพประกอบที่ประณีต และฝีมือช่างอันวิจิตรของม้วนผ้าไหมแห่งรัฐฉู่ ทำให้โบราณวัตถุชิ้นนี้ไร้เทียมทานในด้านคุณค่าและเอกลักษณ์

โศกนาฏกรรมทางวัฒนธรรม
ในขณะนั้น Tang ไม่รู้เลยว่าผ้าไหมผืนนั้นมีความสำคัญเพียงใด พ่อค้าท้องถิ่นชื่อ Cai Jixiang ได้ซื้อทั้งม้วนผ้าไหมและโบราณวัตถุอื่น ๆ มาพร้อมกัน Cai ให้คุณค่าอย่างลึกซึ้งกับม้วนผ้าไหมเหล่านี้ ถึงขั้นพกติดตัวไว้ตลอดแม้ในช่วงที่ต้องหลบหนีความโกลาหลจากสงคราม

ในปี 1946 Cai ได้นำม้วนผ้าไหมเหล่านี้ไปยังเซี่ยงไฮ้ โดยหวังว่าจะสามารถถ่ายภาพอินฟราเรดเพื่อช่วยให้ข้อความที่จางหายอ่านได้ชัดเจนขึ้น ที่นั่นเอง นักสะสมชาวอเมริกันที่ชื่อว่า John Hadley Cox ซึ่งกำลังเดินหน้าหาซื้อโบราณวัตถุจีนในเซี่ยงไฮ้อย่างจริงจัง ได้เข้ามาติดต่อกับ Cai ภายใต้ข้ออ้างว่าเข้ามาช่วยถ่ายภาพ Cox ได้ครอบครองม้วนผ้าไหมและลักลอบนำออกนอกประเทศไปยังสหรัฐอเมริกา

เมื่อ Cai เริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอก เขาทำได้เพียงลงนามในสัญญาที่ไม่มีน้ำหนักกับ Cox โดยระบุว่าม้วนผ้าไหมมีมูลค่า $10,000 โดย Cox จ่ายล่วงหน้า $1,000 และให้คำมั่นว่าจะจ่ายส่วนที่เหลือหากม้วนผ้าไหมไม่ถูกส่งกลับมาจากอเมริกา จากนั้นการถูกเนรเทศเกือบ 80 ปีของม้วนผ้าไหมเหล่านั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้น

มีความเห็นตรงกันระหว่างนักวิชาการจีนและอเมริกัน
ศาสตราจารย์ Li Ling แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ใช้เวลามากกว่าสี่ทศวรรษในการติดตามเส้นทางอันยาวนานและยุ่งเหยิงของโบราณวัตถุชิ้นนี้ การวิจัยอย่างละเอียดของเขาได้สร้างสายโซ่ของหลักฐานที่สมบูรณ์ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าม้วนผ้าไหมที่ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียแห่งชาติสมิธโซเนียนนั้นคือม้วนผ้าไหมแห่งรัฐฉู่จากจื่อตันกู่จริง ๆ

จดหมายเพิ่มเติมระหว่าง Cai และ Cox ได้เปิดเผยการหลอกลวงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการนำม้วนผ้าไหมออกไปจากประเทศ ในจดหมายเหล่านั้น Cai ได้ขอร้องให้ Cox มาที่เซี่ยงไฮ้และเรียกร้องให้จ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก $9,000 สำหรับม้วนผ้าไหม แต่ก็ไม่เป็นผล

ในการประชุมสากลเกี่ยวกับการคุ้มครองและการส่งคืนวัตถุทางวัฒนธรรมที่ถูกนำออกจากบริบทยุคล่าอาณานิคม ซึ่งจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2024 ที่เมืองชิงเต่า ศาสตราจารย์ Donald Harper จากมหาวิทยาลัยชิคาโกได้มอบหลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่ง นั่นก็คือฝาปิดต้นฉบับของกล่องที่ Cox ใช้เก็บม้วนผ้าไหมในปี 1946 ฝาปิดนั้นมีป้ายและบันทึกรายการที่เป็นต้นฉบับ ซึ่งตรงกับไทม์ไลน์ของศาสตราจารย์ Li เกี่ยวกับการเก็บรักษาม้วนผ้าไหมระหว่างปี 1946 และ 1969

Harper กล่าวว่า "น่าจะชัดเจนสำหรับผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ เจ้าหน้าที่ทางวัฒนธรรม และรัฐบาลต่าง ๆ ว่าม้วนผ้าไหมจื่อตันกู่เป็นสมบัติของจีน และควรจะถูกส่งคืนกลับไปยังจีน"

บทความใน New York Times ปี 2018 เรื่อง "ม้วนผ้าไหมจีนที่เขียนเมื่อ 2,300 ปีที่แล้วไปอยู่ที่วอชิงตันได้อย่างไร" ได้ยืนยันข้อสรุปนี้

การกลับบ้านที่ล่าช้า
ในปี 1966 แพทย์ชาวอเมริกันและนักสะสมงานศิลปะ Arthur M. Sackler ได้ซื้อส่วนหนึ่งของม้วนผ้าไหมและได้พยายามส่งคืนไปยังจีนหลายครั้งแล้วจริง ๆ ในปี 1976 เขาวางแผนที่จะมอบให้กับนักวิชาการจีน Guo Moruo แต่การพบกันนั้นไม่เกิดขึ้นเนื่องจากการเจ็บป่วยของ Guo ในทศวรรษ 1980 เขาหวังที่จะบริจาคมันให้กับพิพิธภัณฑ์แซ็คเคลอร์แห่งใหม่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่เขาเสียชีวิตก่อนที่พิพิธภัณฑ์จะเปิดทำการ

หลังจากการเสียชีวิตของ ดร. Sackler ในปี 1987 ม้วนผ้าไหมได้ถูกนำไปเก็บไว้ที่หอศิลป์แซ็คเคลอร์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียแห่งชาติ เว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ระบุว่าโบราณวัตถุชิ้นนี้เป็น "ของขวัญไม่เปิดเผยชื่อ" พร้อมทั้งระบุว่า "การวิจัยแหล่งที่มาของโบราณวัตถุกำลังดำเนินการอยู่" นอกจากนี้ยังอ้างถึงหนังสือของศาสตราจารย์ Li Ling โดยยอมรับความชอบธรรมของการวิจัยของเขา

ตั้งแต่สัญญาของ Cai ไปจนถึงการติดต่อสื่อสารกับ Cox จากการบันทึกการเดินทางของม้วนผ้าไหมในอเมริกาของ Li ไปจนถึงความปรารถนาที่ไม่สมหวังของ Sackler หลักฐานทั้งหมดยืนยันว่าม้วนผ้าไหมแห่งรัฐฉู่ควรเป็นของจีนและควรถูกส่งคืนโดยไม่ชักช้า

หลังจากถูกเนรเทศไปเกือบแปดทศวรรษ สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ต้องกลับบ้านในที่สุด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาคลิก:
https://news.cgtn.com/news/2025-04-29/Why-the-Chu-Silk-Manuscripts-should-be-returned-to-China-1CYkLmp3luM/p.html

สามารถดูภาพที่แนบมากับประกาศนี้ได้ที่:
https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/c6dd904d-7e88-4ba9-b83c-fa3e465d93a5


CGTN
cgtn@cgtn.com

Primary Logo

Legal Disclaimer:

EIN Presswire provides this news content "as is" without warranty of any kind. We do not accept any responsibility or liability for the accuracy, content, images, videos, licenses, completeness, legality, or reliability of the information contained in this article. If you have any complaints or copyright issues related to this article, kindly contact the author above.

Share us

on your social networks:
AGPs

Get the latest news on this topic.

SIGN UP FOR FREE TODAY

No Thanks

By signing to this email alert, you
agree to our Terms of Service